คลังความรู้
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
Department of Thai Traditional and Alternative Medicine
คลังความรู้
เกร็ดความรู้
ถาม-ตอบ ข้อมูลสมุนไพร
เกี่ยวกับเรา
คลังความรู้
ข้อมูลงานวิจัย
ชื่อเรื่อง
การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลการนวดไทยกับการใช้ ยาไดโคลฟีแนค (Diclofenac) ในการลดอาการปวดบ่า
ชื่อเรื่อง (ภาษาอังกฤษ)
Comparative Study the Efficacy of Thai Massage and Analgesic Drug (Diclofenac) to Relief Shoulder Pain
ชื่อเรื่อง (ภาษาจีน)
-
สถานะของงานวิจัย
ข้อมูลทั่วไป
ชื่อ - นามสกุล
e-mail
เจ้าของ/ผู้พิมพ์
สถาบันวิจัยการแพทย์แผนไทย กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข
เจ้าของลิขสิทธิ์
-
ชนิดของเอกสาร
นิพนธ์ต้นฉบับ
วิจัย
ประเภทของงานวิจัย
วิทยาศาสตร์
23
0
คำสำคัญของงานวิจัย
ประสิทธิผล, อาการปวดบ่า, การนวดไทย, ยาไดโคลฟี แนค
บทคัดย่อ/สาระสำคัญ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงทดลอง เปรียบเทียบประสิทธิผลการนวดไทยกับการใช้ยาไดโคลฟี แนค โดยแบ่งกลุ่มอาสาสมัครจํานวนกลุ่มละ 30 คน กลุ่มที่ 1 ได้รับการนวดไทย 4 สัปดาห์ ๆ ละ 2 ครั้ง และนัดติดตามผล1 ครั้งหลังการนวดครั้งสุดท้าย 2วัน กลุ่มที่ 2 ได้รับยา ไดโคลฟี แนค ขนาด 25 มิลลิกรัม ตามดุลพินิจของแพทย์ติดตามผล 3 ครั้ง ประเมินประสิทธิผลด้วยการวัดองศาการเคลื่อนไหว และการวัดความทนต่อแรงกดเจ็บวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ เปรียบเทียบความแตกต่างก่อนและหลังการรักษา ระหว่างกลุ่มโดยใช้สถิติ t-testเปรียบเทียบความแตกต่างก่อนและหลังการรักษาภายในกลุ่มโดยใช้สถิติ pair t-test ผลการวิจัยพบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุ 31 – 40 ปี มีอาชีพรับจ้าง ลักษณะงานที่ทําอยู่ในท่ายืนหรือเดินนานๆ และนั่งทํางานพิมพ์ดีด มีอาการปวดกล้ามเนื้ อบ่า/ไหล่ ลักษณะอาการปวดตื่อๆ 6 เดือนถึง 1 ปี มากที่สุด เคยได้ รับการนวดมาก่อน จากการประเมินประสิทธิผลการวิจัยพบว่า กลุ่ มที่ได้ รับการนวด องศาการเคลื่อนไหวของคอมากขึ้นกว่าก่อนทดลองอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (p<0.05) กลุ่มที่ได้รับยาไดโคลฟี แนค พบว่า องศาการเคลื่อนไหวไม่ต่างกัน ส่วนผลการวัดความทนต่อแรงกดเจ็บในกลุ่มที่ได้รับการนวดพบว่า บ่าด้านขวาดีขึ้น หลังการนวดครั้งที่ 2 ส่วนด้านซ้ายดีขึ้นหลังการนวดครั้งที่ 5 อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (p<0.05) ส่วนกลุ่มที่ได้รับยาความทนต่อแรงกดเจ็บได้ดีขึ้นอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (p<0.05) ครั้งที่ 1 แต่ครั้งที่ 2 ความทนต่อแรงกดเจ็บลดลงอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (p<0.05) ผลการเปรียบเทียบประสิทธิผลระหว่างกลุ่มที่ได้รับการนวดและการใช้ยาไดโคลฟี แนค พบว่า ทั้ง 2 กลุ่ม องศาของการก้มหน้าและเงยหน้า ไม่แตกต่างกัน ส่วนองศาของการเอียงคอด้านซ้ายและขวา กลุ่มที่ได้รับการนวด เอียงคอได้มากกว่ากลุ่มที่ได้รับยาอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (p<0.05) ส่วนความทนต่อแรงกดเจ็บกลุ่มทีได้รับยา ทนต่อแรงกดเจ็บดีกว่ากลุ่มที่ ได้รับการนวดอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (p<0.05) วิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ เปรียบเทียบความแตกต่างก่อนและหลังการรักษา ระหว่างกลุ่มโดยใช้สถิติ t-test เปรียบเทียบความแตกต่างก่อนและหลังการรักษาภายในกลุ่มโดยใช้สถิติ pair t-test ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุ 31 – 40 ปี มีอาชีพรับจ้าง ลักษณะงานที่ทําอยู่ในท่ายืนหรือเดินนานๆ และนั่งทํางานพิมพ์ดีด มีอาการปวดกล้ามเนื้อบ่า/ไหล่ ลักษณะอาการปวดตื้อๆ 6 เดือนถึง 1 ปี มากที่สุด เคยได้รับการนวดมาก่อน จากการประเมินประสิทธิผลการวิจัยพบว่า กลุ่มที่ได้รับการนวด องศาการ เคลื่อนไหวของคอมากขึ้นกว่าก่อนทดลองอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (p<0.05) กลุ่มที่ได้รับยาไดโคลฟี แนค พบว่า องศาการเคลื่อนไหวไม่ต่างกัน ส่วนผลการวัดความทนต่อแรงกดเจ็บในกลุ่มที่ได้รับการนวดพบว่า บ่าด้านขวาดีขึ้น หลังการนวดครั้งที่ 2 ส่วนด้านซ้ายดีขึ้นหลังการนวดครั้งที่ 5 อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (p<0.05) ส่วนกลุ่มที่ได้รับยา ความทนต่อแรงกดเจ็บได้ดีขึ้นอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (p<0.05) ครั้งที่ 1 แต่ครั้งที่ 3 ความทนต่อแรงกดเจ็บลดลง อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (p<0.05) ผลการเปรียบเทียบประสิทธิผลระหว่างกลุ่มที่ได้รับการนวดและการใช้ยา ไดโคลฟี แนค พบว่า ทั้ง 2 กลุ่ม องศาของการก้มหน้าและเงยหน้า ไม่แตกต่างกัน ส่วนองศาของการเอียงคอด้านซ้าย และขวา กลุ่มที่ได้รับการนวด เอียงคอได้มากกว่ากลุ่มที่ได้รับยาอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (p<0.05) ส่วน ความทนต่อแรงกดเจ็บกลุ่มทีได้รับยา ทนต่อแรงกดเจ็บดีกว่ากลุ่มที่ได้รับการนวดอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (p<0.05)
วันเดือนปีที่พิมพ์
5/9/2557
ที่อยู่ผู้พิมพ์
639 สถาบันวิจัยการแพทย์แผนไทย แขวงคลองมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานาค 10100
Call number/ISBN
02-2243265
ภาษาที่ใช้
ไทย
เอกสาร
เอกสาร
สมุนไพรที่พบในงานวิจัย
ชื่อสมุนไพรที่ค้นพบในงานวิจัย
ตำรับ/ยาเดี่ยวที่พบในงานวิจัย
ชื่อตำรับยาที่ค้นพบในงานวิจัย
จำนวนคนเข้าใช้งาน
คน