คลังความรู้
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
Department of Thai Traditional and Alternative Medicine
คลังความรู้
เกร็ดความรู้
ถาม-ตอบ ข้อมูลสมุนไพร
เกี่ยวกับเรา
คลังความรู้
ข้อมูลงานวิจัย
ชื่อเรื่อง
การสำรวจและเก็บรวบรวมพืชสมุนไพรในป่าบุ่งป่าทามจังหวัดนครราชสีมาเพื่อการอนุรักษ์พันธุกรรม
ชื่อเรื่อง (ภาษาอังกฤษ)
-
ชื่อเรื่อง (ภาษาจีน)
สถานะของงานวิจัย
เสร็จสิ้นการดำเนินการ
ข้อมูลทั่วไป
ชื่อ - นามสกุล
e-mail
เจ้าของ/ผู้พิมพ์
กองทุนภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
เจ้าของลิขสิทธิ์
ชนิดของเอกสาร
บทคัดย่อ
วิจัย
การแพทย์แผนไทย
ประเภทของงานวิจัย
วิทยาศาสตร์
2
3
คำสำคัญของงานวิจัย
ป่าบุ่งป่าทาม จังหวัดนครราชสีมา, ความหลากหลายพืช, สมุนไพร, เมล็ด
บทคัดย่อ/สาระสำคัญ
การสำรวจและเก็บรวบรวมพืชสมุนไพรในป่าบุ่งป่าทาม จังหวัดนครราชสีมา เพื่อการอนุรักษ์พันธุกรรม ระหว่างเดือนธันวาคม 2562 ถึงเดือนธันวาคม 2563 ครอบคลุมพื้นที่ในจังหวัดนครราชสีมา 7 อำเภอ ได้แก่ จักราช เฉลิมพระเกียรติ พิมาย ชุมพวง ประทาย ล าทะเมนชัย และเมืองยาง มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทราบชนิดพืชสมุนไพรที่ใช้เป็นยา เก็บรวบรวมตัวอย่างเพื่อการอ้างอิง และศึกษาประเภทการเก็บรักษาเมล็ดเพื่อการอนุรักษ์พันธุกรรม ผลการส ารวจพบพืชจ านวน 96 วงศ์ 246 สกุล 322 ชนิด เป็นพืชสมุนไพรที่ใช้เป็นยา 261ชนิด วงศ์ที่พบจำนวนชนิดพืชมากที่สุด ได้แก่ วงศ์ Fabaceae จำนวน 55 ชนิด รองลงมา ได้แก่ วงศ์ Malvaceae จำนวน 20 ชนิด วงศ์ Apocynaceae จำนวน 17 ชนิด และวงศ์ Phyllanthaceae จำนวน 13 ชนิด ตามลำดับ จากการสัมภาษณ์หมอยาพื้นบ้านและชาวบ้านเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ พบว่า มีการนำพืชมาใช้ด้านสมุนไพรจำนวน 118 ชนิด 79 สรรพคุณ ส่วนของพืชที่ถูกนำมาใช้มากที่สุดได้แก่ ทั้งต้นหรือทั้งห้ารองลงมาได้แก่ ใบ ราก ผล และลำต้น รูปแบบการนำมาใช้ส่วนใหญ่เป็นการต้มเพื่อดื่มน้ำ รองลงมาได้แก่ การตำหรือการบด การกินสด การดอง การลวก การตากแห้งเพื่อสูบ การแช่น้ าเพื่ออาบ และการอยู่ไฟ การสำรวจและเก็บตัวอย่างเมล็ดพันธุ์พืช จำนวน 73 ชนิด มีพืชที่ใช้ในการทดสอบ จำนวน 42 ชนิด พบว่า พืชที่มีน้ำหนักแห้งเมล็ดมากที่สุด คือ ถั่วพร้า (Canavalia ensiformis (L.) DC.) มีค่าเท่ากับ 1.0163 น้ำหนักแห้งเมล็ดน้อยที่สุด คือ ตานหม่อน (Tarlmounia elliptica (DC.) H.Rob., S.C.Keeley, Skvarla & R.Chan.) มีค่าเท่ากับ 0.0003 สามารถจำแนกเมล็ดออกเป็น 2 ประเภท คือ เมล็ดประเภทออโทด๊อกซ์ จำนวน 40 ชนิด และเมล็ดประเภทรีแคลซิทราน จ านวน 2 ชนิด โดยพืชที่มีเปอร์เซ็นต์การงอกเฉลี่ยมากที่สุด คือ ทองกวาว มีค่าเท่ากับ 89.33 และพืชมีเปอร์เซ็นต์การงอกเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ เทียนนา (Ludwigia hyssopifolia (G.Don) Exell) ผักไผ่น้ำ (Persicaria attenuata (R. Br.) Soják var. pulchra (Blume) K.L.) หมาว้อ (Lepisanthes senegalensis (Poir.) Leenh.) และหว้านา (Syzygium cinereum (Kurz) Chantar. & J. Pam.) มีค่าเท่ากับ 0.00 ผลการทดสอบการกระตุ้นการงอกโดยแบ่งการทดสอบออกเป็น 7 วิธีการ ได้แก่ กลุ่มควบคุม แช่น้ำ 12 ชั่วโมง แช่น้ า 36 ชั่วโมง แช่น้ำ 80 องศาเซลเซียส นาน 30 นาที แช่กรดซัลฟิวริกเข้มข้น 50 เปอร์เซ็นต์ 3 นาที แช่กรดซัลฟิวริกเข้มข้น 50 เปอร์เซ็นต์ 10 นาที และท าให้เกิดแผลที่เมล็ด พบว่า วิธีการท าให้เกิดแผลที่เมล็ดเป็นวิธีที่ดีที่สุด และจากการทดลองน าเมล็ดมาลดความชื้นโดยใช้ซิลิกาเจล ความชื้นประมาณ 18 เปอร์เซ็นต์ ใช้เวลาในการลดความชื้น 5 เดือน พบว่า เมล็ดสะแกนา(Combretum quadrangulare Kurz) บวบ (Luffa aegyptiaca Mill.) และเถาวัลย์เปรียง (Derris scandens (Roxb.) Benth) ที่เก็บรักษาที่อุณหภูมิ 4 องศาเซลเซียส มีเปอร์เซ็นต์การงอกสูงกว่าเมล็ดที่เก็บรักษาที่อุณหภูมิห้อง มีค่าเท่ากับ 77.78, 27.78 และ 18.89 ตามล าดับ ในขณะที่เมล็ดชิงช้าชาลี (Tinospora baenzigeri Forman) คาง (Albizia lebbekoides (DC.) Benth.) และหมาว้อ ที่เก็บรักษาที่อุณหภูมิ 4 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิห้องไม่พบการงอก
วันเดือนปีที่พิมพ์
ที่อยู่ผู้พิมพ์
สำนักงานบริหารกองทุนภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ถนนติวานนท์ ตำบลตลาดขวัญ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 11000
Call number/ISBN
ภาษาที่ใช้
เอกสาร
เอกสาร
การสำรวจและเก็บรวบรวมพืชสมุนไพรในป่าบุ่งป่าทามจังหวัดนครราชสีมาเพื่อการอนุรักษ์พันธุกรรม.pdf
สมุนไพรที่พบในงานวิจัย
ชื่อสมุนไพรที่ค้นพบในงานวิจัย
ตำรับ/ยาเดี่ยวที่พบในงานวิจัย
ชื่อตำรับยาที่ค้นพบในงานวิจัย
จำนวนคนเข้าใช้งาน
คน