คลังความรู้
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
Department of Thai Traditional and Alternative Medicine
คลังความรู้
เกร็ดความรู้
ถาม-ตอบ ข้อมูลสมุนไพร
เกี่ยวกับเรา
คลังความรู้
ข้อมูลงานวิจัย
ชื่อเรื่อง
ผลของการได้รับสารสกัดไพลมาตรฐานต่อเภสัชจลนศาสตร์ของ compound D ในมนุษย์และการกระจายตัวของสาร D ในหนูทดลอง
ชื่อเรื่อง (ภาษาอังกฤษ)
(Effect of standardized phlai extract ingestion on the pharmacokinetics of compound D in humans and rats
ชื่อเรื่อง (ภาษาจีน)
สถานะของงานวิจัย
เสร็จสิ้นการดำเนินการ
ข้อมูลทั่วไป
ชื่อ - นามสกุล
e-mail
อรพรรณ โพชนุกูล
ประภาศรี กุลาเลิศ
ภัทรา ตันติเจริญวิวัฒน์
ทวีผล เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา
เจ้าของ/ผู้พิมพ์
กองทุนภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
เจ้าของลิขสิทธิ์
กองทุนภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
ชนิดของเอกสาร
บทคัดย่อ
วิจัย
การแพทย์แผนไทย
ประเภทของงานวิจัย
วิทยาศาสตร์
2
3
คำสำคัญของงานวิจัย
บทคัดย่อ/สาระสำคัญ
เหง้าไพล (Zingiber cassumunar Roxb) เป็นพืชสมุนไพรที่ถูกนามาใช้ในการรักษาการอักเสบรวมทั้งโรคหืดและมีรายงานว่าสาร D เป็นสารสาคัญที่มีคุณสมบัติทางเภสัชวิทยา อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องเภสัชจลนศาสตร์และการกระจายของสารนี้ในอวัยวะต่างๆน้อยมาก การวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเภสัชจลนศาสตร์ของสารD ในมนุษย์และในสัตว์ทดลองและศึกษาการกระจายของสาร D ในสัตว์ทดลองที่ได้รับสารสกัดไพลมาตรฐาน วัสดุและวิธีการ: ขั้นตอนแรกได้มีการพัฒนาวิธีการหาสาร D จากเลือดโดยใช้ liquid chromatography (LC-MS) จากนั้นให้อาสาสมัคร 5 คนได้รับยาไพลแคปซูลขนาด 250 มก. (สาร D 8 มก.) ทีเดียวจานวน 8 เม็ดแล้วทาการเก็บตัวอย่างเลือดและปัสสาวะในช่วงเวลาต่างๆเป็นเวลารวม 24 ชั่วโมงและตรวจปริมาณสาร Dในตัวอย่างดังกล่าว การศึกษาเภสัชจลนศาสตร์ในหนูกระทาโดยให้หนูขาวสายพันธ์ Wistar ได้รับสารสกัดไพลมาตรฐานทางหลอดเลือดในขนาด 25 มก./กก. ของน้าหนักตัวหนูหรือทางปากในขนาด 1, 3 และ 10 มก. ต่อ กก.น้าหนักตัวแล้วทาการเก็บตัวอย่างเลือดและปัสสาวะหลังได้รับสารสกัดไพล 48 ชั่วโมง จากนั้นจึงทาการวัดปริมาณสาร D ในอวัยวะต่างๆเพื่อศึกษาการกระจายของสารนี้ในร่างกาย ผลวิจัย การศึกษาในคนพบว่าไม่สามารถตรวจพบสาร D ในเลือดของอาสาสมัครที่ได้รับยาไพลไป 24 ชั่วโมง แต่สามารถพบสารนี้ในตัวอย่างปัสสาวะของอาสาสมัครในความเข้มข้น 0.23-1.97 ng/ml โดยมี % recovery เท่ากับ 0.29-2.47% การศึกษาในหนูพบว่ามีการดูดซึมได้รวดเร็ว และสาร D มีการกระจายและสะสมในอวัยวะต่างๆ 1-1000 เท่า ภายในเวลา 1-4 ชม.ภายหลังได้รับยาทางปาก โดยพบสาร D สะสมมากในกระเพาะอาหาร หลอดลม สมอง ม้าม และปอด และพบว่าสาร D ถูกขับมาทางอุจจาระในเวลา 0-48 ชม.เมื่อได้รับสารสกัดไพลมาตรฐานทางปากหรือหลอดเลือด บทสรุป: การวิจัยนี้พบว่าสาร D ถูกขับออกจากเลือดได้รวดเร็ว และสามารถกระจายไปอวัยวะต่างๆได้ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่หลอดลม สมอง ม้าม และ ปอด
วันเดือนปีที่พิมพ์
ที่อยู่ผู้พิมพ์
Call number/ISBN
ภาษาที่ใช้
เอกสาร
เอกสาร
โครงการวิจัยย่อยที่ 5 ผลของการได้รับสารสกัดไพลมาตรฐานต่อเภสัชจลนศาสตร์ของ compound Dในมนุษย์และการกระจายตัวของสาร D ในหนูทดลอง.pdf
สมุนไพรที่พบในงานวิจัย
ชื่อสมุนไพรที่ค้นพบในงานวิจัย
ตำรับ/ยาเดี่ยวที่พบในงานวิจัย
ชื่อตำรับยาที่ค้นพบในงานวิจัย
จำนวนคนเข้าใช้งาน
คน