คลังความรู้
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
Department of Thai Traditional and Alternative Medicine
คลังความรู้
เกร็ดความรู้
ถาม-ตอบ ข้อมูลสมุนไพร
เกี่ยวกับเรา
คลังความรู้
ข้อมูลงานวิจัย
ชื่อเรื่อง
การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลของการนวดไทยแบบราชสำนักกับยาทาไดโคลฟีแนกในการรักษาไหล่ติด
ชื่อเรื่อง (ภาษาอังกฤษ)
A comparative randomized controlled trial on the effectiveness of court-type traditional Thai massage versus topical diclofenac to treat frozen shoulder
ชื่อเรื่อง (ภาษาจีน)
สถานะของงานวิจัย
เสร็จสิ้นการดำเนินการ
ข้อมูลทั่วไป
ชื่อ - นามสกุล
e-mail
พวงผกา ตันกิจจานนท์
บุญสม กอบประดิษฐ์
นิจศิริ เรืองรังษี
ชนิดา พลานุเวช
เจ้าของ/ผู้พิมพ์
กองทุนภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
เจ้าของลิขสิทธิ์
กองทุนภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
ชนิดของเอกสาร
บทคัดย่อ
วิจัย
การแพทย์แผนไทย
ประเภทของงานวิจัย
วิทยาศาสตร์
2
22
คำสำคัญของงานวิจัย
การศึกษาเปรียบเทียบนวดแบราชสำนัก ยาทาไดโคฟิแนก ไหล่ติด
บทคัดย่อ/สาระสำคัญ
วัตถุประสงค์: การวิจัยเชิงทดลองเพื่อเปรียบเทียบผลของการนวดไทยแบบราชสานักกับยาทาไดโคลฟีแนคในการรักษาผู้ป่วยไหล่ติด ดำเนินการเก็บข้อมูลที่คลินิกแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดนนทบุรี ในคนไข้เพศหญิงอายุ 40-65 ปี ซึ่งออร์โธปิดิกส์แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นไหล่ติดชนิดไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งมีระยะเวลาในการเจ็บป่วยตั้งแต่ 4-12 เดือน แบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่ 1 (กลุ่มรักษา จำนวน = 30 คน) ได้รับการนวดไทยแบบราชสานัก ครั้งละ 45 นาที สัปดาห์ละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 6 สัปดาห์ และกลุ่มที่ 2 (กลุ่มควบคุม จานวน= 30 คน) ได้รับยาทาไดโคลฟีแนคครั้งละ 5 กรัม 3 ครั้งต่อวัน ติดต่อกัน 6 สัปดาห์ ประเมินผลการทดลอง โดยประเมินองศาการเคลื่อนไหวของข้อไหล่ ระดับอาการปวด ทุก ๆ 2 สัปดาห์ และประเมินในระยะติดตามผลการรักษาในสัปดาห์ที่ 8 และ10 ส่วนการทางานของข้อไหล่ ความสามารถในการทำกิจกรรมและคุณภาพชีวิต ประเมินก่อนและหลังการทดลอง วิเคราะห์ผลทางสถิติเชิงพรรณาโดยการหา ร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เชิงปริมาณโดย repeated ANOVA, Friedman test, paired t-test และ student t-test ผลการศึกษา องศาไหล่พบว่ากลุ่มที่รักษาโดยการนวดมีค่าเฉลี่ยการเพิ่มขึ้นขององศาไหล่ในทุก ๆ 2 สัปดาห์จนสิ้นสุดการรักษาในสัปดาห์ที่ 6 มากกว่ากลุ่มใช้ยาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P<0.05) ในระยะติดตามผลในสัปดาห์ที่ 8 และ10 พบว่ากลุ่มนวดมีค่าเฉลี่ยขององศาไหล่ดีกว่ากลุ่มใช้ยาอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ (P<0.05) ผลของระดับความเจ็บปวดพบว่ากลุ่มนวดมีระดับความเจ็บปวดลดลงในทุก ๆ 2 สัปดาห์จนสิ้นสุดการรักษาในสัปดาห์ที่ 6 และลดลงกว่ากลุ่มใช้ยาอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ (p<0.05) ส่วนในระยะติดตามผลในสัปดาห์ที่ 8 และ 10 ระดับความเจ็บปวดของทั้งสองกลุ่มลดลงแต่ไม่พบความแตกต่างทางสถิติ ผลของการใช้งานของไหล่และความสามารถของแขนในการทากิจกรรม หลังการรักษาในสัปดาห์ที่10 ของทั้งสองกลุ่มพบว่าดีขึ้นกว่าก่อนการรักษาอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ (p < 0.05) การประเมินระหว่างกลุ่ม ในสัปดาห์ที่ 10 กลุ่มที่รักษาโดยการนวดมีคะแนนการใช้งานของไหล่ดีกว่ากลุ่มใช้ยาและคะแนนความสามารถของแขนในการทำกิจกรรมดีกว่ากลุ่มใช้ยาแต่ไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ ผลของคุณภาพชีวิติทั้งสองกลุ่มพบว่ามีคุณภาพชีวิตเพิ่มขึ้นหลังการรักษาในสัปดาห์ที่ 10 อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ (p<0.05) การประเมินระหว่างกลุ่มพบว่ากลุ่มที่รักษาโดยการนวดมีคะแนนคุณภาพชีวิตเพิ่มขึ้นดีกว่ากลุ่มทายาอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ (p<0.05) สรุปผลการศึกษา การนวดไทยแบบราชสานักและยาทาไดโคฟิแนกเจลต่างก็ให้ผลดีในการรักษาไหล่ติด แต่การรักษาโดยการนวดให้ผลดีกว่าและไม่มีผลข้างเคียง
วันเดือนปีที่พิมพ์
ที่อยู่ผู้พิมพ์
Call number/ISBN
ภาษาที่ใช้
เอกสาร
เอกสาร
การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลของการนวดไทยแบบราชสำนักกับยาทาไดโคลฟีแนคในการรักษาไหล่ติด.pdf
สมุนไพรที่พบในงานวิจัย
ชื่อสมุนไพรที่ค้นพบในงานวิจัย
ตำรับ/ยาเดี่ยวที่พบในงานวิจัย
ชื่อตำรับยาที่ค้นพบในงานวิจัย
จำนวนคนเข้าใช้งาน
คน